Dreame บริษัทนวัตกรรมที่กำลังเติบโต ซึ่งเชี่ยวชาญในการพัฒนาอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านอัจฉริยะ เตรียมเปิดตัวเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในชื่อ Dreame L10 Pro Robot Vacuum เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะรุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เซ็นเซอร์เลเซอร์คู่แบบ LiDAR, ระบบนำทางด้วย LiDAR, เทคโนโลยีหลบหลีกสิ่งกีดขวางแบบ 3 มิติ และอัลกอริธึม SLAM
เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะรุ่นนี้ถือเป็นความก้าวหน้าล่าสุดในกลุ่มอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านแบบอัตโนมัติ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การดูแลบ้านเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยเป็นมา แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ Dreame โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ที่พัฒนาอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน? และเหตุใดผู้คนจึงให้ความสนใจใน Dreame L10 Pro รุ่นใหม่นี้?
Dreame: ผู้ชนะรางวัล AWE 2021
Dreame ได้รับรางวัล AWE 2021 ซึ่งเป็นนิทรรศการที่รวมกิจกรรมเชิงโต้ตอบหลากหลายรูปแบบ พร้อมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ ต่อสายตาผู้ชมทั่วโลก โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ถูกนำเสนอในงานก็คือ Dreame L10 Pro Robot Vacuum
เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจจับและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งสร้างภาพแวดล้อม 3 มิติแบบเรียลไทม์ ระบบแผนที่อัจฉริยะที่ผสานเทคโนโลยี LiDAR, เทคนิค SLAM และการหลบหลีกสิ่งกีดขวางแบบ 3D ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำความสะอาดให้แม่นยำและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Dreame L10 Pro ยังมาพร้อมแรงดูดมหาศาลถึง 4000Pa ซึ่งสามารถดูดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด
ปัญหาทั่วไปของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
แม้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แต่หนึ่งในปัญหาหลักที่ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นส่วนใหญ่ก็คือ การนำทางหลบสิ่งกีดขวาง
หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ที่มีขายอยู่ในตลาดมักติดสิ่งของเล็กๆ ภายในบ้าน เช่น ถุงเท้า หรือรองเท้าแตะ ซึ่งทำให้หุ่นยนต์หยุดทำงาน และต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากมนุษย์ในการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง เพื่อให้การทำความสะอาดดำเนินต่อไปได้
นี่จึงเป็นความท้าทายที่ Dreame เลือกจะเผชิญหน้าอย่างจริงจัง โดยบริษัทได้ลงมือพัฒนาเทคโนโลยีระดับเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ไร้คนขับ เพื่อยกระดับความสามารถของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
นวัตกรรมเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถจัดการกับสิ่งกีดขวางได้ แม้ในที่มืดหรือในสถานการณ์ที่ต้องเจอสิ่งกีดขวางต่างๆ กันในแต่ละวัน Dreame ได้นำระบบแมปเรียลไทม์และการตรวจจับสิ่งกีดขวางมาใช้ ซึ่งหมายความว่า หุ่นยนต์สามารถสร้างแผนที่บ้าน ดูดฝุ่น และตรวจจับสิ่งกีดขวางได้แบบเรียลไทม์ ทำให้ Dreame L10 Pro ล้ำหน้าคู่แข่งไปอีกขั้น
ระบบนำทาง LiDAR ยกระดับ Dreame L10 Pro ไปอีกขั้น
ระบบนำทาง LiDAR
LiDAR ย่อมาจาก Light Detection and Ranging (การตรวจจับและวัดระยะด้วยแสง) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่รถยนต์ไร้คนขับบางรุ่นใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ การใช้ LiDAR มีข้อดีหลายประการ เช่น การตรวจจับสิ่งกีดขวางได้อย่างแม่นยำ การรับรู้ความลึกของพื้นที่
Dreame ได้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้กับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของตน ทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดดีกว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปในตลาดอย่างชัดเจน เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ Dreame Bot L10 Pro สามารถตรวจจับและหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีหลบหลีกสิ่งกีดขวางแบบ 3 มิติ (3D Obstacle Avoidance Technology)
Dreame L10 Pro Robot Vacuum ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ อินฟราเรด (IR) ที่ช่วยในการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง เทคโนโลยีการหลบหลีกแบบ 3 มิตินั้นแตกต่างจาก LiDAR ตรงที่มันไม่ใช้การตรวจจับด้วยแสง แต่จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา ซึ่งจะสะท้อนกลับจากวัตถุในห้อง
แสงอินฟราเรดนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และเนื่องจากตัวหุ่นยนต์เป็นผู้ปล่อยแสงออกมาเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแสงธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟ เซ็นเซอร์ในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะของ Dreame จะตรวจจับแสงอินฟราเรดที่สะท้อนกลับมาและวิเคราะห์เพื่อประเมินระยะห่างของวัตถุ รวมถึงตัดสินใจว่าจะเคลื่อนที่อย่างไร ข้อได้เปรียบของการแมปด้วยวิธีนี้คือ สามารถ "มองเห็น" ได้แม้ในที่มืด ซึ่งเหนือกว่า LiDAR ที่ต้องพึ่งพาแสงบางระดับในการทำงาน
เทคนิค SLAM
SLAM ย่อมาจาก Simultaneous Localization and Mapping หรือ “การระบุตำแหน่งและสร้างแผนที่ในเวลาเดียวกัน” เช่นเดียวกับมนุษย์ หุ่นยนต์ก็ต้องมีแผนที่เพื่อช่วยให้รู้ว่าอยู่ตรงไหนและจะไปทางไหน โดยเฉพาะเมื่อ GPS ใช้งานไม่ได้ภายในบ้าน เทคนิค SLAM จึงถูกนำมาใช้ในหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน เพื่อให้สามารถนำทางได้อย่างแม่นยำ
เทคโนโลยีนี้เกี่ยวข้องกับการคำนวณตำแหน่งและทิศทางของเซ็นเซอร์เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมรอบตัว ในกรณีของ Dreame L10 Pro เทคโนโลยีนี้ช่วยให้หุ่นยนต์สามารถสร้างภาพแผนที่ 3 มิติของสภาพแวดล้อมได้อย่างแม่นยำ
หลังจากที่หุ่นยนต์สร้างแผนที่บ้านเสร็จแล้ว มันจะสามารถจดจำได้ว่าแต่ละห้องอยู่ที่ไหน และมีขนาดเท่าไหร่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำความสะอาดได้อย่างมาก
บทสรุป
จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Dreame มีความเป็นไปได้สูงว่าเราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ อีกมากมายในอนาคต ระดับของนวัตกรรมและความใส่ใจในรายละเอียดที่ Dreame ใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ของตนนั้น โดยเฉพาะในรุ่น Dreame L10 Pro คือสิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้แตกต่างจากเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะทั่วไป การเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ถือเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม หากคุณเคยกลับบ้านมาแล้วพบว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นติดอยู่กับสิ่งกีดขวางและทำงานไม่เสร็จ — ปัญหาเหล่านั้นจะกลายเป็นอดีต
เมื่อรู้ว่ามีเทคโนโลยีระดับสูงมากมายถูกรวมอยู่ใน Dreame L10 Pro คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะของ Dreame คือตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการดูแลบ้านของคุณ